คราวที่แล้ว…ผมจบเรื่อง “ท่องพม่า” ลงดื้อ ๆ โดยมิได้กล่าวถึงเช้าวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่ผมบินกลับประเทศไทยแล้วเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
ผมคงต้องเขียนต่ออีกสักบทหนึ่ง….เพื่อจะได้แจงด้วยว่าได้ใช้เงินไปทั้งหมดกี่บาท ในการท่องพม่าครั้งนี้
เช้ามืดวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ ผมตื่นเวลา ๔.๑๐ น. ได้ยินเสียงฝนตกอยู่ข้างนอก อากาศเย็น ผมได้แต่อาบน้ำแปรงฟัน ไม่ได้สระผมตามที่ตั้งใจไว้!
กินอาหารเช้าด้วย Muesli Bar ที่ผู้ปกครองนักเรียนให้ไว้แล้วนำมาด้วย เพื่อจะได้กินยา จากนั้นก็เก็บของลงเป้ ไม่ลืมที่จะสำรวจอย่างละเอียด เพื่อจะได้ไม่ลืมอะไรอีก (ไม่อยากบอกเลยว่า…ผมลืมของ ๑ ชิ้นไว้ที่ Remember Inn) ผมแยกเอกสารที่ต้องใช้ แล้วนำใส่ไว้ในถุง BK
แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยังมีเวลา…ผมเปิดดูทีวีพม่าช่อง MRTV-4 เห็นภาพผู้ปฏิบัติธรรมไหว้พระ นั่งสมาธิ เดินจงกลม ทุกคนสวมเสื้อผ้าเรีียบร้อย (นุ่งโสร่ง มีผ้าพันคอ) ดนตรีที่ประกอบรายการธรรมะมีสำเนียงคล้ายกับที่ผมได้ยินในวัด Yandanamanaung เมือง Nyaung Shwe
ผมเปิดประตูห้อง ออกไปมองดูท้องฟ้า เห็นว่ายังมืดอยู่…
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมจึงคิดถึง “ลุงมะเม่า” ในยามนี้…
เวลา ๕.๓๐ น. นาฺฬิกาปลุกตามที่ได้ตั้งไว้ ได้เวลาแล้ว! ผมเช็คของอีกครั้ง ก่อนที่จะออกจากห้อง นำกุญแจไปคืนให้เด็กหนุ่มที่นอนเฝ้า แล้วขอให้ช่วยเปิดประตูให้…
“ลาก่อน Zin Yaw!” ผมแบกเป้เดินออกจากที่พัก ถ่ายภาพพระเจดีย์ Thatbyinnyu ยามเช้าไว้ ๑ บาน
ออกไปปากซอย…ผมเดินผ่านเรือนหลังเล็ก ๆ ที่เจ้าของอาจจะยังคงหลับใหลอยู่บนที่นอน
ผมเดินถึงถนนใหญ่ คือ ถนน Radio Station เลี้ยวซ้ายแล้วเดินชิดด้านขวา ไปเจอรถแท็กซี่เก่า ๆ จอดหันหัวไปทางสนามบินพอดี คนขับบอกว่าไปสนามบิน ๑,๕๐๐ จ๊าด แต่ผมต่อเป็น ๑,๐๐๐ ตกลงครับ…สนามบินอยู่ไม่ไกล เค้าขับพาผมไปส่งถึงหน้าอาคารผู้โดยสารขาออกเลย
ผมแบกเป้เดินเข้าไปภายในอาคาร ต้องผ่าน security check โดยนำเป้และถุง BK ขึ้นวางไว้ แล้วปล่อยให้มันเคลื่อนผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ไปออกอีกทางนึง ความจริงต้องมีเจ้าหน้าที่คอยติด sticker ว่า Security Checked แต่เช้าเกิน…ก็เลยยังไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ที่นั่น!
Air Asia ก็ยังคงไม่เปิดให้ check in ผมต้องนั่งรอที่เก้าอี้จนได้เวลา…
ผมยืนต่อคิวด้วยความใจเย็นจนได้ check in เจ้าหน้าที่ Air Asia ออก Boarding Pass ให้ ที่สนามบินย่างกุ้งไม่ต้องจ่ายค่าภาษีสนามบินอีก ผมมองดู “เจ้าแรด” ถูกส่งตัวไปตามสายพานลำเลียงจนลับตา “แล้วเจอกันที่สุวรรณภูมินะ”
การ check in ง่ายมากครับ ได้ Boarding Pass แล้วก็หมดเรื่อง ก่อนที่จะขึ้นบันไดเลื่อนไปรอขึ้นเครื่อง ผมถือโอกาสไปสำรวจดูห้องน้ำของสนามบินเมืองย่างกุ้งซะหน่อย (เป็นหน้าที่อยู่แล้ว อิอิ) แม่เจ้าไว้ย…ยังมีส้วมแบบนั่งยอง ๆ อยู่อีกเหรอ!!!
กล้องคอมแพ็คเริ่มรวนแล้ว แต่ผมก็อยากจะถ่ายภาพตัวเองไว้เป็นหลักฐาน…
จากนั้นก็ขึ้นบันไดเลือนไปชั้นสอง…
ผ่าน Passport Control (ช่องที่เขียนว่า Foreigner) เรียบร้อยดีทุกอย่าง เจ้าหน้าที่ประทับตราขาออกลงบนวีซ่าเลยครับ…
ผู้โดยสารต้องเดินผ่านร้านขายของฝาก (มีอยู่เพียงแค่ที่เห็น) souvenir ราคาถูกมากครับ สามารถซื้อ postcard เขียนแล้วติดแสตมป์ส่งได้ที่คนขายเลย…
กระเป๋าแฟบแล้วก็ไปนั่งรอที่หน้า Gate….
ออกบินตรงเวลา…ขณะเครื่องทะยานขึ้น ผมคิดถึงลุงมะเม่า และสิ่งที่ดี ๆ ในพม่า ถ้ามีโอกาสผมจะขอกลับมาแก้ตัวกับลุงมะเม่าอีกครั้ง!
ถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา ๑๐.๓๐ น. ผมไม่ต้องไปยืนต่อแถวผ่าน Passport Control เพราะผู้ถือ Thai Passport สามารถผ่านระบบตรวจสอบหนังสือเดินทางแบบอัตโนมัติได้เลย แค่เพียงวางนิ้วลงบนแป้นสแกนลายนิ้วมือแล้วมองกล้องให้เค้าบันทึกภาพก็เรียบร้อยแล้ว!
เสร็จเร็ว…ได้ไปรอที่สายพานลำเลียงกระเป๋าเร็ว ไม่ช้าผมก็เห็น “เจ้าแรด” โผล่ออกมา…
“ไปกันเหอะ” ผมคว้าเพื่อนยากขึ้นหลัง เดินหาทางออก ถามเค้าไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็เจอสถานี Airport Rail Link ของการรถไฟ เสียค่าโดยสาร ๕๕ บาท ได้รับเหรียญสีแดง เอาไปจ่อที่ sensor ที่กั้นก็เปิดให้ผมเดินเข้าไปรอรถสาย “สุวรรณภูมิ-พญาไท” ได้
ลงที่สถานีพญาไท ผมต้องต่อรถไฟฟ้า BTS ไปหมอชิต ตรงนี้ผมต้องซื้อตั๋วด้วยการหยอดเหรียญสิบ ๓ เหรียญลงในเครื่องจำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ ได้บัตรแล้วนำไปเสียบเข้าช่องรับบัตร มันวิ่งปู๊ดขึ้นไปโผล่ข้างบน แล้วที่กั้นก็เปิดให้ผมเดินผ่าน!!
ทุกอย่างเป็นของใหม่สำหรับผม ต้องเรียนรู้โดยไม่มีใครช่วยบอก ผมขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีหมอชิต เดินลงสะพานลอยไปทางด้านสวนจตุจักร เห็นป้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เขียนว่า Bus Station 50 บาท ไม่เอา! ขึ้นรถเมล์สาย 77 ดีกว่า เสียค่าโดยสาร ๘ บาทไปลงหน้าสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ได้เลย
ผมหาซื้อตั๋วได้ในราคา ๕๐๐ บาท…บ่ายโมงกว่า ๆ ก็ออกเดินทางขึ้นสู่เชียงใหม่
สิ้นสุดการท่องพม่าครั้งที่ ๒ แล้วครับ ค่าใช้จ่ายซึ่งรวมทุกอย่าง ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน Air Asia, ค่ารถไฟจากเชียงใหม่ลงกรุงเทพฯ, ค่าที่พัก ๓ คืนระหว่างรอวีซ่า, ค่าวีซ่า, ค่าอาหารเครื่องดื่ม, ค่าใช้จ่่ายในพม่า ตลอดจนค่าเดินทางกลับสู่เชียงใหม่ เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐,๔๗๗ บาท
ไปพม่าคราวนี้ดีทุกอย่าง มีเพียงเรื่องเดีียวที่ผมเสียใจ ก็คือ การปล่อยให้ลุงมะเม่าต้องรอเก้อในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕
I’m so sorry, Mamoa!