พาสปอร์ตใหม่ไปลาว – บนเส้นทางที่คุ้นเคย

นานาิจิตตัง!  เพื่อน ๆ บางท่านอาจรู้สึกเบื่อ…เมื่อได้เดินทางด้วยวิธีการและเส้นทางเดิมซ้ำซาก แต่สำหรับผมแล้วไม่เคยรู้สึกเช่นนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางอย่างลำปาง-เชียงใหม่ ด้วยรถเมล์เขียวแบบธรรมดา ซึ่งใช้เวลา ๒ ชั่วโมงกว่าบนเส้นทางไม่ถึง ๑๐๐ กิโลเมตร… 

ผมเคยให้เหตุผลไว้ว่า ๑) การเดินทางทุกครั้ง แม้จะบนเส้นทางเดิม แต่เหตุการณ์รอบข้างก็ต่างกัน มีภาพชีวิตของผู้คนให้ได้เห็นไม่ซ้ำกัน   ๒) การที่เราไม่นั่งหลับ (น้ำลายยืด หรือ เอียงคอไปซบคนข้าง ๆ) ช่วยหลีกเลี่ยงการเกิดภาพที่ดูแล้วน่าำเกลียด ๓) “Keep ourselves ALERT” ข้อนี้สำคัญครับ หากรถเกิดอุบัติเหตุ จะได้ระวังตัว จับให้มั่น สามารถช่วยตัวเองได้ดีกว่าผู้ที่นั่งหลับ

ผมบันทึำกไว้ว่า…

เชียงใหม่เจริญมาก ๆ  ข้างทาง…ได้เห็นหมู่บ้านแก้วนวรัตน์โซน ราคา ๒ ล้าน++   บนรถมีฝรั่ง ๓ คน ด้านขวามือมีคนไทยผมขาว คุยเฟื่องเรื่องการเดินทางไปลาวและจีน ด้านหลังมีบางคนนั่งหลับตั้งแต่รถออกวิ่ง  ก่อนถึงแม่ขะจาน…นายตรวจขึ้นมาตรวจตั๋ว

41

42

ประมาณ ๑๑.๓๐ น. รถเข้าจอดที่สถานีขนส่งพะเยา พนักงานประกาศว่ารถจะออกเวลา ๑๒.๑๐ น.

22

ผมเคยเตือนว่า เมื่อรถเข้าจอดที่สถานีขนส่งนาน ๆ เวลาที่เพื่อน ๆ ลงไปทำกิจส่วนตัวหรือหาอาหารกิน ต้องดูให้ดี ๆ ด้วยว่ารถที่นั่งมาเป็นคันไหนและออกเดินทางต่อเมื่อใด เพราะบางครั้งรถบริษัทเดียวกันมาจอดที่ชานชาลาติดกัน อาจทำให้ผู้โดยสารสับสน ขึ้นรถผิดคันได้ ผมคิดว่าปัญหานี้คงเกิดขึ้นบ่อย ๆ ช่วงหลังผมถึงได้เห็นมีป้ายเขียนบอกไว้ที่หน้ารถอย่างชัดเจน…

20

ห้องน้ำของสถานีขนส่งพะเยาไม่คิดตังค์ แต่มีตู้รับบริจาคค่าน้ำ-ค่าำไฟตั้งไว้ด้านหน้า ผมใช้บริการแล้วหย่อนลงไป ๒ บาท…

24

ผมเดินไปถ่ายรูปตู้ไปรษณีย์ไว้อีกครั้ง เป็นที่ระลึกว่าคราวที่แล้วผมเขียนไปรษณียบัตรหลายใบมาหย่อนลงตู้ใบนี้!

23

ผมเล็งไว้แต่แรกแล้วว่าจะขอเติมพลังด้วยขนมจีนน้ำยาเจ้าอร่อยที่มากิน แต่โชคไม่ดี วันนี้ไม่ขาย!

27

ไม่ขายก็ไม่กิน…ผมเดินถ่ายภาพไปรอบ ๆ สถานีขนส่งพะเยา!

32

33

39

จากนั้นก็กลับมานั่งรอข้าง ๆ รถ  มีคนแก่สองคนกำลังคุยกันเรื่อง “ผู้ชายวัยทอง” ผมได้ยินคนหนึ่งพูดว่า เมื่อแก่ตัวลงก็ต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี เพื่อมิให้เป็นภาระให้ลูกหลานต้องดูแล  เค้าบอกด้วยว่าวันไหนไม่ได้ออกกำลัง…ตาจะมัว แต่วันไหนออกกำลัง…สายตาจะดี  ผมไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าจริงหรือเปล่า?

ใกล้เวลารถออก มีผู้โดยสารใหม่ขึ้นจนเต็มรถ มีนักศึกษาสาวขึ้นมานั่งข้าง ๆ แทนผู้ที่ลงไป ผมเห็นเธอหยิบบทเรียนภาษาญี่ปุ่นขึ้นมาอ่าน  ผมอยากจะถามว่า Nihongo desu ka? แต่ยั้งปากไว้ ได้แต่มองดูภาพข้างทางไปเรื่อย ๆ   เวลา ๑๒.๓๔ น. ผมเห็นป้ายบอกว่าอีก ๓๔ กิโลเมตรจะถึงอำเภอจุน

๑๓.๐๒ น. รถวิ่งเข้าสถานีขนส่งอำเภอจุนซึ่งสร้างใหม่ซิง ๆ

๑๓.๓๗ น. ถึงสถานีขนส่งอำเภอเชียงคำ รถจอด ๑๐ นาที นักศึกษาสาวที่นั่งข้าง ๆ ลงรถที่นี่

๑๔.๕๒ น. ถึงอำเภอขุนตาล อีก ๕๒ กิโลเมตรจะถึงเชียงของ

ประมาณ ๔ โมงเย็น รถถึงเชียงของ เข้าจอด ณ จุดเดิิม บนเส้นทางที่คุ้นเคย…หัวใจของผมทำงานปกติ ไม่สูบฉีดโลหิตแรงขึ้น เพราะผมรู้แล้วว่าจะต้องเดินไปทางไหน และที่พักอยู่ทิศใด!

ไม่มีคนขับรถตุ๊ก ๆ เข้ามาถาม…ผมรับเจ้าแรดแล้วสะพายขึ้นหลัง เดินอ้อมไปหลังอาคารพาณิชย์ แวะไปดูแม่ค้า “อีตุย” ที่ตลาด อ้าว…ไม่ขาย!  มีแต่ขนมไข่หงส์ (ดีนะที่เค้าเปลี่ยนชื่อจากไข่เหี้ยมาเป็นไข่หงส์ อิอิ) ผมซื้อ ๑๐ บาทได้มา ๖ ลูก คิดว่าไม่พอ…ต้องซื้อมันทอดอีก ๑๐ บาท โยนเข้าปากแล้วเดินเคี้ยวไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางที่คุ้นเคย….

map2

ผ่านหน้าสำนักงานรถเมล์เขียวที่รู้จักดี…

51

ผมเคยเขียนเล่าว่า…

พอลงจากรถได้…ผมก็แบกเป้ เดินเข้าตลาดไปหาซื้อของกินรองท้อง ก่อนที่จะเดินมุ่งหน้าสู่ “บ้านฝ้ายเกสต์เฮ้าส์” โดยไม่ต้องโทรศัพท์สอบถามเหมือนครั้งที่แล้ว พอไปถึง….เห็นเจ้าของเกสต์เฮ้าส์กำลังยืนคุมงานช่างก่อสร้างอยู่พอดี ผมทักทายว่า “สวัสดีครับ ท่านผ.อ. มีห้องพักก่อครับ?” กล่าวเช่นนั้นครูผู้เป็นเจ้าของโรงแรมด้วยก็จำได้ทันที ตอบกลับมาว่า “ยังแข็งแรงเหมือนเดิมน้อ…” แล้วสั่งให้แม่บ้านเอากุญแจห้องเบอร์ ๕ ไปเปิดห้องให้นักแบกเป้จากลำปางพร้อมกับพูดว่า “เอาห้องเดิมฮื้อเปิ้นเน้อ”

เดินทางครั้งนี้ค่อนข้างจะไฮเทค”…ผมมี net book มาด้วย พอเห็นป้าย Free Wifi ก็รู้สึกดีใจที่จะได้เล่าเรื่องการเดินทางของผมแบบออนไลน์เป็นครั้งแรกในชีวิต…

59

เจ้าของเกสต์เฮ้าส์พูดกับผมว่า “ซอบบ้านดิน บ่อใจ่กา?”  เพื่ออวดว่าห้องหับที่สร้างเพิ่มเติมใช้เทคนิค “บ้านดิน”  ผมถ่ายภาพไว้ ๑ บาน ก่อนที่จะเดินขึ้นห้องพัก…

58

55

ยังไม่ ๕ โมงเย็นเลย…ผมมีเวลาเดินเที่ยวเมืองเชียงของอีก ๒ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย!!  เดี๋ยวไปกันนะครับ เพื่อน ๆ ที่รัก