ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ – สรุปค่าใช้จ่าย

การเดินทาง “ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ” ของผมเริ่มต้นที่สถานีขนส่งเชียงใหม่ เช้าวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๖ และสิ้นสุดเมื่อเดินทางกลับสู่สถานีขนส่งเชียงใหม่อีกครั้ง วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม รวมระยะเวลาของการแบกเป้ท่องโลกได้ ๘ วันเต็ม 

ผมใช้เวลาเกือบ ๒ เดือนเขียนเล่าให้เพื่อน ๆ อ่านในบล็อก “ฟังลุงน้ำชาคุย”  และจบลงตรงที่ได้กลับมาสู่ไออุ่นบนผืนแผ่นดินไทยอีกครั้งเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๖

วันนี้ผมขอสรุปค่าใช้จ่ายในการ “ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ” เพื่อให้เรื่องนี้สมบูรณ์   ค่าใช้จ่ายนั้นคิดรวมหมด ตั้งแต่ค่ารถ ค่าที่พัก ค่าอาหารน้ำดื่ม ค่าเช้าชมพิพิธภัณฑ์ ค่าเช่าจักรยาน ค่าไปรษณียบัตร และค่าเข้าห้องน้ำ อิอิ

ท่องโลก ๘ วัน… ผมได้เยือนหลวงน้ำทา เมืองสิง เมืองลอง เวียงภูคา นอนเชียงของ ๒ คืน และยังมีโอกาสได้แวะชมเมืองและเที่ยวงานดอกไม้บานที่เชียงรายก่อนกลับสู่เชียงใหม่  ค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น คือ ๓,๓๔๓ บาท เป็นค่าที่พัก ๑,๒๘๐ บาท (37%) ค่ารถ ๑,๖๘๙ บาท (50%) ค่าอาหารและอื่น ๆ ๔๒๔ บาท (13%)

เฉลี่ยแล้วตกวันละ ๔๑๘ บาทครับ!

ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ – กลับเมืองไทย

DSC09143

โปรแกรม Google Maps ในโทรศัพท์ราคาสองพันกว่าบาทของผม แสดงให้เห็นเส้นทางจากเวียงภูคาที่จะกลับไปยังประเทศไทยว่าอยู่ไม่ไกลแล้ว…แค่ร้อยกว่ากิโลเมตร!

แต่ผมก็ยังหารถไปบ่อแก้วไม่ได้ ต้องนั่งรอตั้งแต่ ๘ โมงเช้า สายแล้วก็ยังไม่มีรถ!  หญิงวัยกลางคนหน้าตาดี เจ้าของร้านที่อยู่ติดกับสถานี่ขนส่ง (เรียกไปอย่างนั้นแหละ จริง ๆ แล้วก็ไม่อยากเรียกสักเท่าไหร่) และทำหน้าที่ขายปี้โดยสารไปด้วย บอกผมให้เฝ้าดูรถที่วิ่งมาจากหลวงน้ำทา ถ้าเห็นมาก็ให้รีบออกไปโบกมือ แต่คันแล้วคันเล่า ผมออกไปโบกแล้วก็ไม่เห็นจอดรับ รถที่มาจากจีน รถไทย ทั้งรถตู้รถบัส ไม่เห็นว่าจะชะลอ!

เธอปลอบใจว่าวันนี้ต้องได้ไปแน่ รถจากหลวงน้ำทาก็กำลังจะมา! มาจริง ๆ ด้วย แต่ดันไม่จอดรับ ผู้โดยสารที่จะไปน้ำทาได้ไปกันหมดแล้ว ตอนนี้เหลือผมคนเดียว รอรถไปบ่อแก้วมาได้ครึ่งวันแล้ว!

ประมาณบ่ายสองโมงผมเห็นรถบัสวิ่งมาแต่ไกล รีบออกไปยืนโบก รู้สึกดีใจเมื่อเห็นรถชะลอแล้วจอดรับ…

DSC09165

ผมคว้าเป้ ตะโกนขอบคุณสาวลาวใจดี แล้วข้ามถนนไปขึ้นรถด้วยความยินดี  เอาเป้ไว้ข้างบน…

DSC09177

รถพาผมเดินทางสู่บ่อแก้ว  ข้างหน้าผมเห็นคนไทย ๓ คน สองคนเป็นหญิงนั่งอยูหลังคนขับ เธอคุยกันเสียงดัง ได้ยินถามคนขับว่าบ่อแก้วกับห้วยทรายที่เดียวกันหรือเปล่า?

DSC09161

วิ่งไปได้ไม่นานรถก็จอดริมทางให้ผู้โดยสารได้ “เบา” ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไปร่วมให้ปุ๋ยยูเรียแก่ต้นกล้วย…

DSC09167

รถวิ่งต่อไป…

DSC09169

ผ่านบ้านเรือนหลายรูปแบบ…

DSC09172

DSC09176

รถซึ่งอาจจะสภาพดีกว่ารถเมล์เขียวที่วิ่งระหว่างลำปาง-เชึยงใหม่…แต่ไม่มากเท่าไหร่  เมื่อวิ่งขึ้นเขา…บางจุดสูงชันต้องคลานขึ้นช้า ๆ เครื่องส่งเสียงครวญครางปานว่าจะหลุดออกเป็นชิ้น ๆ  ผมแปลกใจยิ่งนักที่เห็นผู้โดยสารส่วนใหญ่ไม่สนใจการวิ่งของรถและสภาพของถนนหนทาง เห็นบางคนนั่งหลับ…

DSC09162

เขาไม่รู้เลยว่า ช่วงอันตรายคนขับต้องให้เด็กรถคอยดึงคันเกียร์ไว้ ในขณะใช้เท้ายันไปข้างหน้า คงเกรงว่าเกียร์จะหลุด!!  การเดินทางเช่นนี้ผมไม่เคยหลับ จะตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ต้องคอยระวังตัว พร้อมเสมอสำหรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน…

DSC09178

ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางที่สถานีขนส่งบ้านห้วยทราย ผมลงจากรถแล้วตรงไปยังรถสองแถวที่จอดรออยู่ทันที  ถามว่าด่านปิดหรือยัง? สารถีลาวบอกว่าปิด ๔ ทุ่มโน่น ถามว่าไปด่านค่ารถเท่าไหร่? คำตอบคือ “๒๐ พัน” ผมคิดในใจว่านั่งรถร้อยกว่าหลักมาจากเวียงภูคา ขึ้นเขาด้วย เสีย ๒๐๐ บาท แต่เนี่ยแค่ไปสะพานฯ ไม่กี่หลักเอง ล่อตั้ง ๘๐ บาท! แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร รีบเหวี่ยงเป้กระโดดขึ้นรถโดยไม่รีรอ  คนไทยอีก ๓ คนตามมา  ผมแกล้งทำเป็น backpacker ญี่ปุ่น นั่งเงียบ…เงี่ยหูฟังว่าคนไทยเค้าคุยอะไรกันบ้าง  ยังไม่ได้ทันได้ความ…รถก็ถึง ตม. ลาว!

ขาออกไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เซ็นชื่อใน departure card ที่ได้เก็บรักษาแนบไว้กับหนังสือเดินทาง แล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่  อ่อ…วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้เป็นพิเศษ ๕ พันกีบ เจ้าหน้าที่ประทับตราให้แล้วยื่นหนังสือเดินทางคืนให้ จากนั้นก็ไปซื้อตั๋วโดยสารรถบริการของลาวอีก ๗,๐๐๐ กีบ เพื่อข้ามสะพานไปยัง ตม.ไทย หุหุ…รถ บขส. ไทย ๒๐ บาทก็ว่าแพงแล้ว แต่รถของลาวกลับแพงกว่า!

DSC09182

ในที่สุดผมก็ได้ก้าวลงเหยียบผืนแผ่นดินไทย…

DSC09184

ต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้เจ้าหน้าที่ ตม.ไทยอีก ๒๐ บาท  งานนี้มีแต่ควักกระเป๋าจ่ายลูกเดียวครับ…พ่อแม่พี่น้อง!

การเดินทางฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือของผมก็จบลงด้วยประการฉะนี้แล

ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ – ท่ารถเวียงภูคา

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๖ หลังจากเที่ยวชมตลาดเช้าจนอิ่มใจ ผมก็เดินกลับที่พัก จัดของลงเป้ สำรวจดูความเรียบร้อย ก่อนที่จะปิดประตูห้อง เช็คเอ้าท์แล้วเดินไปท่ารถ…   

DSC09137

หาท่ารถอยู่นาน ผมต้องถามชาวบ้านถึง ๓ ครั้ง ได้มาซึ่งคำตอบที่คล้าย ๆ กัน แต่ก็ใช่ว่าจะหาเจอง่าย ๆ สถานีขนส่งที่เมืองลอง ผมว่าเล็กแล้วนะ แต่ที่เวียงภูคากลับเล็กกว่า คงเป็นเพราะผมวาดภาพเกินจริงไว้มาก จึงได้มองข้ามไป เดินผ่านไปผ่านมา…หาสถานีขนส่งเวียงภูคาไม่เจอ!  จริง ๆ แล้วมันก็อยู่ตรงสี่แยกที่่จะไปตลาดนั่นแหละ….

DSC09144

เป็นห้องเล็ก ๆ หลบมุมอยู่ข้างถนน พอดีมีการขุดถนนวางท่อ ก็เลยทำให้คล้ายมีผีบังตา ผมไม่่รู้ว่านั่นคือ “ท่ารถ”!!

DSC09158

ทีแรกผมไม่เห็นแม้แต่ป้ายที่บอกว่า “สมาคมรถขนส่งโดยสาร เมืองเวียงภูคา แขวงหลวงน้ำทา”

DSC09154

เก้าอี้ผู้โดยสาร…

DSC09138

สาวเจ้าอยากจะนั่งยอง ๆ มากกว่า เธอกำลังจะไปน้ำทา…

DSC09147

หนุ่มคนนี้ก็จะไปน้ำทาเช่นกัน ดูท่าทางน่าจะเป็นไกด์…

DSC09156

มีชายคนหนึ่งเป็นคนภูคา  พอมาถึงก็บอกว่าจะไปบ่อแก้ว ผมดีใจที่จะมีเพื่อนร่วมทาง หลังจากรออยู่ประมาณ ๒ ชั่วโมง ไม่มีรถเค้าก็จากไป ทำให้ผมต้องลุ้นอยู่คนเดียวว่าวันนี้จะได้ไปบ่อแก้วหรือเปล่า?

DSC09145

สองแถวไปน้ำทามาแล้ว ไม่มีเวลาออกที่แน่นอน ไกด์หนุ่มแนะนำให้ผมกลับไปขึ้นรถที่น้ำทา

DSC09159

สถานีขนส่งเวียงภูคาจะทำให้ผมจดจำไปจนตาย ไม่มีที่ไหนเทียบได้อีกแล้ว การได้ไปรอรถอยู่ที่นั่นนับเป็นรสเผ็ดมันของการเดินทางอย่างแท้จริง

เพื่อน ๆ มีโอกาส อย่าลืมแวะไปสัมผัสดูนะครับ!

ถังใส่ขยะ…

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา… ผมไปเล่นแอคคอร์เดียนบน “ลานชมดาว” อุทยานแห่งชาติ ดอยขุนตาน!

khuntan9

ไม่เคยพลาดที่จะถ่ายรูป “ถังขยะ” อีกเช่นเคย…

khuntan32

ที่บ้านผมก็มี “ถังใส่ขยะ” เหมือนกัน…..  นี่ไง!!

bin3

อย่าเพิ่งแปลกใจฮับ!  จริง ๆ แล้ว มันคือสมุดวาดเขียนที่ผมเรียกว่า “ถังใส่ขยะ”

bin2

bin1

ผมบันทึกไว้ว่า…

วันนี้วันที่ 6 มิถุนายน 2531  ฝนตกแทบทั้งวัน ฉันออกไปเอาจักรยานที่โรงแรมแม่ปิง แล้วก็เลยถือโอกาสแวะห้างสรรพสินค้าแถวถนนท่าแพ เห็นว่ามีแผนกเครื่องเขียน มีสมุดเนื้อดีจำหน่าย ในราคาที่ไม่แพงนัก  เลยเกิดความคิดว่าน่าจะได้รวบรวมเอาเศษขยะต่าง ๆ ที่หลงเหลือมาจากการเดินทางท่องเที่ยว เช่น postcards, กากตั๋ว ตลอดจนเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ นำมาเก็บไว้ในสมุดเล่มนี้ พร้อมกับบรรยายไว้อีกเล็กน้อย พอเป็นที่เตือนความจำ หากกาลเวลาผ่านไป คราใดที่ได้เปิดสมุดนี้ออกดู คงทำให้นึกย้อนหลังกลับไปสู่อดีต เมื่อครั้งที่ไปผจญภัยในสถานที่นั้น ๆ…. อย่างน้อยก็คงทำให้มีความสุขไปกับเจ้าขยะพวกนี้ได้ไม่มากก็น้อย

อย่างเช่น Postcard รูปนี้… เขียนถึงแม่เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 28  ในขณะที่กำลังเดินทางออกจากอิตาลีสู่สวิสเซอร์แลนด์ ในรูปเป็นสะพานข้ามคลองแห่งหนึ่งในเมืองเวนิช หรือ Venice หรือ Venezia ประเทศอิตาลี… ได้บันทึกไว้ในสมุดบันทึกประจำวันว่า  “ภาพที่ปรากฏต่อสายตาเบื้องหน้านั้น คือคลองซึ่งกว้างประมาณ 20 เมตร มีเรือขนาดต่าง ๆ วิ่งอยู่สับสน…. บนฝั่งทั้งสองข้างก็มีอาคารสูงปลูกเรียงรายอย่างงดงาม น่าชมยิ่งนัก มันเป็นเวนิชตะวันตกจริง ๆ……”                        

pc2mom9

“ถังใส่ขยะ”ของผม ฝาปิดเกือบจะหลุดแล้วครับ!

ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ – ตลาดเช้าเวียงภูคา

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๖…  เหลืออีก ๓ วันก็จะสิ้นปีแล้ว  ที่เฮือนพักในเวียงภูคา ผมตื่นขึ้นมาด้วยความคิดว่าวันนี้จะต้องเดินทางกลับเมืองไทยให้ได้!

DSC09026

แต่อยากเห็น “ตลาดเช้า” ก่อน…ผมตื่นแต่ไก่โห่ เดินจากเฮือนพักมุ่งหน้าไปตลาดที่เคยไปมาเมื่อวานนี้!  เห็นร้าน “ศาลาเบียร์” อยู่ตรงมุมถนน  สงสัยจังว่าเมื่อคืนนี้เค้าปิดกี่โมง?

DSC09027

อากาศหนาว!!!  ผมกำลังฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือจริง ๆ  (เพื่อน ๆ คงจะเห็นกองไฟที่ชาวบ้านก่อไว้ผิง)

DSC09028

DSC09029

เจ้า White Fang คงไม่หนาวสักเท่าไหร่ ตื่นเช้าซะด้วย!

DSC09036

ผมเก็บภาพที่ “ตลาดเช้า” มาให้เพื่อน ๆ ดังต่อไปนี้…

DSC09068

DSC09067

DSC09064

DSC09059

อี้ยยยยยยยยย!!….

DSC09058

DSC09057

DSC09056

DSC09055

DSC09053

DSC09051

DSC09041

DSC09077

DSC09054

DSC09047

DSC09045

DSC09044

DSC09070

DSC09069

ขอปิดเรื่องตลาดเช้าด้วยไออุ่นจากเปลวไฟที่เห็น…

DSC09071

แหม…มันอุ่นเข้าไปถึงทรวงเลยนะเนี่ย!!

ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ – มีหยังกิ๋นพ่อง?

บ้านผมเรียกตลาดตอนเย็น ๆ ว่า “กาดแลง”  เย็นวันนี้…ผมขอเดินดูในตลาดเวียงภูคาหน่อยว่าจะมีอะไรกินบ้าง?

DSC08958

DSC08959

เพื่อน ๆ ดูเองก็แล้วกัน….

DSC08987

DSC08961

DSC08962

DSC08963

DSC08985

DSC08964

DSC08966

DSC08967

DSC08968

DSC08969

DSC08973

DSC08975

DSC08971

DSC08972

DSC08974

DSC08976

DSC08979

DSC08981

DSC08980

เจอแย้ว… อีตุยกับข้าวต้มมัด นั่นผมกินได้!!

DSC08978

ซื้ออีตุย ๒ ลูก ๆ ละ ๕๐๐ กีบ และข้าวต้มมัด ๒ มัด ๆ ละ ๕๐๐ กีบ ผมจ่ายเงินให้แม่ค้าผู้มีลูกชายสุดหล่อ ๒ พันกีบ แล้วขอถ่ายรูปไว้ด้วย….

DSC08977

เดินไปอีกหน่อย เจอแม้ค้าขายหมี่และไข่ทรงเครื่อง  อืมมมมม….อย่างเนี้ยก็กินได้!  ซื้อหมี่ ๒ ห่อ ๆ ละ ๑,๐๐๐ กีบ ไข่ทรงเครื่อง ๑ ฟอง (๒,๐๐๐ กีบ) จ่ายด้วยใบ ๕ พัน เงินทอนเอาข้าวเกรียบราคา ๑,๐๐๐ แทนก็ได้!

DSC08982

กำลังจะเดินออกจากตลาด เห็นขนมปังกับนมข้น  คนขายถามว่า “ข้าวจี่บ๋อ?”  ผมส่ายหน้าปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม

DSC08984

ได้เวลากลับแล้ว….ผมกดชัตเตอร์บันทึกภาพบอร์ดสำหรับนักท่องเที่ยวไว้ ก่อนที่จะก้าวย่างสู่ที่พัก!

DSC08988

หยุดถ่ายภาพที่ทำการบริษัททัวร์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเฮือนพัก (ยามอาทิตย์กำลังลับทิวไม้) ไว้อีก ๑ บาน  ถ้าใครอยากเดินป่า เข้าถ้ำ หรือล่องเรือ ตอนกลางวันก็ไปติดต่อเค้าได้….

DSC09004

สำหรับผมไม่อยากไปไหนต่อ เข้าที่พักไปหม่ำดีกว่า!

DSC09008

มองเห็นสายน้ำจุกไหลเอื่อย…นักเดินทางผู้เหนื่อยล้านั่งกินอาหารเย็นมื้อละ ๗ พัน (๒๘ บาท)อยู่ตรงระเบียงห้องพัก นึกถึงเพลงของ “อ้ายมัย” ที่ว่า “สุขจริงอิงกระแสธารา…..”

ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือคุ้มสุด ๆ… พรุ่งนี้นั่งรถกลับเมืองไทยได้แล้วมั้ง?

ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ – แวะบ้านลาว

๕ โมงเย็น! หลังจากฝ่าลมหนาวแอ่ว “วัดบ้านทิว” เวียงภูคา ผมก็เดินลงเนิน…

DSC08928

DSC08935

ผมบันทึกไว้ว่า…

เดินลงจากวัด ได้ยินเสียงเรียกทางซ้ายมือ เป็นผู้สาวลาวคนที่นั่งรถมาด้วยกัน…ให้เข้าไปเยี่ยมบ้าน – เข้าไปนั่ง ทักทายสะบายดี  คุยกันที่ใกล้ ๆ เตาไฟต้มน้ำอาบให้เด็ก ๆ  คุณพ่อหั่นผักให้หมู… 

lao-mom

visit

DSC08929

ที่เห็นสวมเสื้อสีชมพูคือน้องสาว เธอกำลังจะอาบน้ำให้ลูก โดยใช้น้ำร้อนที่ต้มผสมกับน้ำเย็นตักขึ้นจากบ่อ คุณพ่อกำลังหั่นผักเลี้ยงหมูอยู่ข้างหลัง  ผมถามว่าหมูตัวสีขาวหรือสีดำ คำตอบคือ “สีดำ”….

DSC08930

DSC08931

 

DSC08932

DSC08933

แหกตา (ถ่ายรูป) ลูกชายของสาวเจ้าไว้อีก ๑ บาน ในอนาคตอาจได้พริ้นท์แล้วส่งไปให้….

DSC08934

คุยกันได้พักใหญ่ พอได้ยินว่ามีตลาด (3) อยู่ไม่ไกล…ผมก็ถือโอกาสร่ำลาแล้วเดินออกจากบ้านลาว (1) มุ่งสู่ถนนหลวง หยุดบันทึกภาพถนนและบ้านเรือนทางด้านข้างไว้ด้วย…. 

DSC08936

DSC08937

DSC08946

DSC08945

DSC08946w

2-morning-market

ผมข้ามถนนแล้วเดินไปยังเส้นทางสู่ตลาด (ในแผนที่เขียนว่า Morning Market) ตรงมุมมีป้ายชี้ทางไปธนาคารส่งเสริมกสิกรรม (2)….

DSC08944

เดินไปอีก ๒๐ เมตรก็ถึง….

DSC08949

ด้านซ้ายมือ…ผมเห็นอาคารร้านค้าชั้นบนกำลังก่อสร้าง เย็นมากแล้วแต่ช่างยังคงนั่งอยู่บนหลังคา จะทำงานจนมืดค่ำเลยหรือเนี่ย?

DSC08948

ข้างหน้าคือ “กาดแลง” (3) จุดหมายสุดท้ายสำหรับการฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือในวันนี้!  หลังจากดื่มกาแฟร้อน ๑ แก้วที่เมืองสิง ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้กินอะไรอีกเลย  แปลกแท้ ๆ ที่ไม่รู้สึกหิว…แถมยังเดินเที่ยวได้อีกไกลโข!!

DSC08951

 

เดี๋ยวต้องไปดูที่ตลาดว่ามีอะไรกินบ้าง?

โรงพยาบาลห้างฉัตร…

R0011214

เหลืองอินเดียรอบเมืองลำปางร่วงหล่นลงมากแล้ว แต่ก็ยังพอหลงเหลือให้เห็น วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลห้างฉัตร หลังจากที่ย้ายสัมโนครัวมาอยู่อำเภอห้างฉัตรได้กว่าครึ่งปี!

R0011213

ผมและพี่ชายได้รับความเมตตาจาก รพสต.บ้านแม่กืย ช่วยเขียนใบส่งตัวให้มารักษาที่โรงพยาบาลห้างฉัตร (ขอขอบพระคุณยิ่ง) หลังจากได้ลงทะเบียนบัตรทองที่ศูนย์สุขภาพชุมชนตำบลห้างฉัตร และได้รับการอนุเคราะห์อย่างดีเยี่ยมจนได้รับสิทธิ์ วันนี้ก็ได้ฤกษ์ที่จะไปรับการบริการ…

เป็นครั้งแรกจริง ๆ สำหรับการไปโรงพยาบาลห้างฉัตร  ผมประทับใจนับตั้งแต่ได้เข้าไปในพื้นที่สวยงาม นับเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกที่ผมไม่ต้องลำบากในการหาพื้นที่จอดรถเลยแม้แต่น้อย (ภาพข้างล่างนี้ถ่ายเวลาเที่ยงวัน)

R0011215

เจ้าหน้าที่คนแรกให้บริการด้วยรอยยิ้ม พูดใจไพเราะ รื่นหู  เรียกพนักงานนำล้อเข็นมาให้พี่ชายได้นั่ง   โห!…เดี๋ยวนี้เค้าพัฒนาขนาดนี้แล้วหรือ?

2-hospital

การให้บริการถูกวางระบบไว้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการวัดความดันฯ การซักประวัติ การเข้าพบแพทย์ การรับยา ผมไม่ได้เห็นใบหน้าบึ้งตึงหรือได้ยินคำพูดแสลงหูจากเจ้าหน้าที่เลย นับตั้งแต่…คนงานเปลไปจนถึงนายแพทย์

R0011208

R0011210

ได้รับยามากินต่ออีก ๒ เดือนครับ…

R0011209

ทางโรงพยาบาลออกสมุดประจำตัวผู้ป่วยความดันโลหิตสูงให้ทั้งผมและพี่ชาย…

green-book

เจ้าหน้าที่ห้องยาหน้าตาเปื้อนยิ้ม นอกจากจ่ายยาฟรีให้ผมแล้ว ยังมอบถุงผ้าสำหรับใส่ยาให้ด้วย…

R0011217

R0011218

รู้สึกประทับใจจนอดที่จะเขียนถึงไม่ได้….

ผมคิดว่า ถ้ารัฐบาลมีธรรมาภิบาล ปราศจากนักการเมืองโกงกิน ข้าราชการล้วนทำหน้าที่เป็นคนของพระราชา ชาวประชาต่างทำมาหากินอย่างสุจริต ช่วยกันเสียภาษี และดูแลสังคมให้อุดมสุข ตำรวจเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์จริง ๆ ไม่ใช้อาวุธเข้าเข่นฆ่าประชาชน ฯลฯ….. บ้านนี้เมืองนี้คงน่าอยู่ยิ่งนัก

จะรอดูต่อไปว่าฝันของผมจะเป็นจริงหรือไม่?

ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ – วัดบ้านทิว เวียงภูคา

vieng-phuka-map

ตอนลงจากรถที่นั่งมาจากน้ำทา ผมก็เห็นแล้วว่าบนเนินเขาด้านซ้ายมือนั้นมีทางขึ้นไปสู่วัด ๆ หนึ่ง ในแผนที่ (นำมาจาก ecotourismlaos.com)  เขียนไว้ว่า “Wat Ban Thio” ผมขออ่านว่า “วัดบ้านทิว” ก็แล้วกัน (หากไม่ถูกก็ต้องขออภัย)   

DSC08894

ต้องถ่อสังขารเดินขึ้นเนินไป ในที่สุดก็ถึงข้างบน  ผมเห็นกุฏิตั้งอยู่ทางด้านซ้าย…

DSC08898

เดินผ่านไปอีกนิด ก็เห็น “เรือยาว” ถูกยกเก็บไว้เหนือพื้น มีหลังคาสังกะสีคลุม…

DSC08900

DSC08901

บนเนินเป็นอุโบสถ ด้านหน้ามีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่…

DSC08899

DSC08902

ถ่ายภาพมาให้เพื่อน ๆ ดู…

DSC08903

DSC08907

DSC08911

DSC08913

DSC08910

DSC08915

DSC08912

DSC08917

DSC08920

DSC08921

DSC08918

DSC08919

อาทิตย์คล้อยต่ำ…ส่งแสงทอง ก่อให้เกิดเงาดำเหยียดยาวไปตามพื้น!

DSC08923

DSC08922

DSC08924

DSC08904

ผมดีใจที่ได้ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือมาจนถึง “วัดบ้านทิว” 

ฝ่าลมหนาวแอ่วลาวเหนือ – หาที่พักในเวียงภูคา

๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๖ ผมเดินทางจากน้ำทาถึงเวียงภูคาเวลา ๔ โมงเย็น ลงจากรถแล้วสอบถามหญิงลาวที่มาด้วยกันถึงเฮือนพัก เธอชี้ไปข้างหน้าบอกให้ผมเดินไปที่สะพานข้ามแม่น้ำจุก….  

(ขอบคุณแผนที่จาก ecotourismlaos.com)

DSC08880

DSC08874

ถีงสะพาน ผมเห็นป้ายเฮือนพักและร้านอาหารสายน้ำจุก เลี้ยวขวาเดินเข้าไปตามลูกศร

DSC08879

DSC08878

DSC08876w

เข้าไปสอบถามเด็กหนุ่มผู้ดูแลเฮือนพัก ทราบว่ามีห้องพักใหม่อยู่ด้านหน้า ราคาคืนละ…๗๐,๐๐๐ กีบ!

DSC08873

ผมร้องว่า“แพงหลาย”  หนุ่มลาวแนะนำว่ายังมีเฮือนไม้คืนละ ๔๐ พัน!  งั้นพาไปดูหน่อย…

DSC08867

มีระเบียงติดกับน้ำจุก…

DSC08868

เปิดห้องให้ดู เห็นเตียงนอนหมอนคู่…

DSC08869

มีแชมพู สบู่ ผ้าอนามัย(คนลาวเรียกกระดาษทิซซู่) และผ้าขนหนูให้ครบ…

DSC08872

แต่ห้องน้ำไม่มีน้ำอุ่น….

DSC08871

โอเลยล่ะ!  “๑๖๐ บาท” สำหรับการพักเอนกายาอยู่ที่เวียงภูคาแค่ ๑ คืน!!  ผมจ่ายเงิน ๔๐ พันกีบ รับกุญแจห้อง #7 มาถือไว้ เข้าห้องแล้วนำเจ้าแรด(เป้) ขึ้นวางบนโต๊ะ…

DSC08870

ตอนนี้ผมก็เหมือนลูกไก่ที่มีเล้าแล้ว…

DSC08877

ได้เวลาออกเดินสำรวจเวียงภูคา จุดหมายแรกคือ…วัดที่เห็นอยู่บนเนินสูง!