FB Trip 3 – วัดหนานช้าง

จากวัดอีก้าง…ผมขี่จักรยานไปที่วัดหนานช้าง!  

R0011458

ขณะเดียวกันก็มีรถพานักท่องเที่ยวผ่านมา…

R0011463

ผมไม่เห็นว่ารถจะหยุดให้ผู้สนใจได้ลงมาเดินดู  แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ขนาดผมจะถ่ายภาพรถเอาไว้ ก็ยังแทบจะไม่ทันเลย ได้ยินเสียงมัคคุเทศก์สาวบรรยาย แล้วขบวนรถก็ผ่านไป  นักท่องเที่ยวจะได้เห็นอะไรบ้างน้า?…ผมอยากรู้จัง! 

คุณ pimnuttapa ได้เขียนกระทู้ “ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ณ เวียงกุมกาม จังหวัดเชียงใหม่”  ไว้ในฟอรั่ม dannipparn.com เป็นข้อมูลที่ค่อนข้างละเอียด ผมขออนุญาตนำมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านด้วยดังนี้…

วัดหนานช้าง หรือ กู่หนานช้าง ตั้งตามชื่อเจ้าของที่ดิน ด้านหน้าของวัดอยู่ใกล้แม่น้ำปิง ซุ้มโขงมีลายปูนปั้นประดับเล็กน้อย ถัดจากซุ้มโขงลงไปมีทางเดินและมีวิหาร ซึ่งที่ฐานพระประธานมีลายปูนปั้น ด้านหลังวิหารมีเจดีย์ฐานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสซ้อนกันสองชั้น เรือนธาตุได้พังเสียหายไปแล้ว เยื้องกับเจดีย์เป็นมณฑป ถัดไปเป็นอุโบสถ

ประวัติวัดหนานช้าง เป็นชื่อที่เรียกกันใหม่ในปี พ.ศ.๒๕๔๖ โดยตั้งตามชื่อเดิมของเจ้าของที่ดินบริเวณวัด (บางท่านเรียกว่าวัดปิงห่าง) สภาพก่อนดำเนินงานขุดแต่งพบเพียงเนินดินปรากฏเศษและแนวก่อเรียงอิฐกระจัดกระจาย หลังการขุดแต่งจึงพบว่าใต้ดินลึกลงไปเฉลี่ย ๒ เมตรนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างและอาคารประเภทต่างๆ ของวัดจำนวนร่วม ๑๐ แห่ง แม้ว่าวัดนี้ไม่ปรากฏหลักฐานกล่าวถึงในเอกสารบันทึกทางประวัติศาสตร์ แต่หากพิจารณาจากรูปแบบการก่อสร้างและลักษณะทางสถาปัตยกรรมต่างๆ แล้ว อนุมานว่าคงก่อสร้างเป็นวัดขึ้นแล้วตั้งแต่สมัยที่รัฐล้านนารุ่งเรือง (ยุคทอง) ประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๑

โขงประตู-กำแพงด้านหน้า วัดหนานช้าง ในส่วนของกำแพงวัดนี้ พบว่าสร้างโขงประตูทางเข้าออกหลักทางด้านหน้าตรงแนวกึ่งกลางวิหาร โดยสร้างทางเดินยกพื้นก่ออิฐเชื่อมต่อถึงกัน และพบช่องประตูเล็กเข้าออกมาที่กำแพงวัดด้านข้างซ้ายตอนกลาง

แนวกำแพงวัดด้านหน้าและบ่อน้ำ อยู่ตอนซ้าย ประตูโขง วัดหนานช้าง

ฐานวิหารด้านหน้า  ลักษณะเป็นอาคารแบบโถง ส่วนฐานก่ออิฐสร้างยกพื้นสูงในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีย่อเก็จลดด้านหน้า ๑ ชั้น โดยพบร่องรอยการฉาบปูนตกแต่งลายช่องกระจกหรือลายเมฆในส่วนท้องไม้ มีบันไดหลักขึ้นลงทางด้านหน้าตอนกลาง และพบบันไดขนาดเล็กด้านหลังตอนซ้าย ที่ยังคงปรากฏตัวหัวบันไดเป็นรูปตัวหางวัน (เหงา) ปูนปั้นอย่างชัดเจน พื้นตอนบนวิหารปูอิฐและฉาบปูน โครงสร้างเสาน่าจะเป็นเสาไม้ที่มีหินธรรมชาติรองตีนเสา แท่นแก้วพระประธานอยู่ตอนหลังวิหาร ส่วนด้านหน้าทำย่อเก็จลดหลายชั้น ตกแต่งลวดลายเครือเถาและรูปสัตว์หิมพานต์ปูนปั้น (ชำรุด) ที่ส่วนท้องไม้

พระเจดีย์ แม้ว่าจะเหลือหลักฐานการก่อสร้างเพียงส่วนฐานก่ออิฐฉาบปูนลักษณะเขียงซ้อนกัน ๓ ชั้น และชั้นปัทม์ย่อเก็จเล็กเดี่ยวตอนกลางที่ชิ้นส่วนปล้องไฉนทรงกลม บัลลังก์และชั้นรองรับปล้องไฉนทรง ๘ เหลี่ยม ที่พบร่วงหล่นตกลงมาบนพื้นระดับดินเดิมของวัดในพื้นที่ด้านหลังวิหารตอนขวา ทำให้วินิจฉัยได้ว่ารูปทรงเต็มๆ เดิมของเจดีย์ควรจะเป็นทรงระฆังแบบ ๘ เหลี่ยม ประกอบกับการที่ไม่พบหลักฐานลวดลายปูนปั้น ประเภทลายกรอบซุ้มในจำนวนมากพอ ซึ่งโดยทั่วไปเจดีย์ทรงมณฑป มักทำซุ้มประกอบที่ตอนกลางในส่วนห้องมณฑป  ลักษณะพิเศษของพระเจดีย์ คือ การทำเจดีย์ทรงระฆังขนาดเล็กที่มุมฐานเขียงตอนล่างทั้ง ๔ มุม ตกแต่งลายปูนปั้นนูนรูปดอกประจำยาม ๔ ด้าน (เหลือร่องรอยหลักฐานเฉพาะองค์ที่อยู่ ๒ มุมด้านหน้า) ตอนกลางติดกับฐานเขียงชั้นแรกของเจดีย์ เป็นที่ตั้งของแท่นบูชา ลักษณะฐานปัทม์ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยกเว้นทางด้านหน้าที่เป็นมณฑปโถงขนาดย่อม

ส่วนฐานรองรับเสามณฑปย่อเก็จ ที่ตอนบนมุมทั้ง ๔ ยังมีร่องรอยหลักฐานของปูนฉาบรอบเสา ส่วนก่อสร้างตอนบนพังทลายหมด มีส่วนฐานเขียงประดับเจดีย์เล็กที่มุมทั้งสี่แท่นแก้ว  อาคารมณฑปเป็นอาคารโถงก่ออิฐผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ฐานเป็นแบบปัทม์ท้องไม้ลูกแก้วอกไก่คู่ที่พบหลักฐานเฉพาะด้านข้างซ้าย ส่วนด้านอื่นๆ เหลือหลักฐานเฉพาะส่วนบัวคว่ำ และท้องไม้ลูกแก้วอกไก่ตอนล่าง ประกอบการขุดแต่งได้ขุดเลยระดับพื้นมณฑปไปมากจนฐานเสาลอย ทำให้ดูเหมือนฐานมณฑปไม่สูง บันไดหลักอยู่ทางด้านหน้าที่พบหลักฐานตัวบันไดเป็นรูปตัวมกร (ชำรุด)

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล)

R0011470

นั่นไง…ซากประตูโขง

R0011472

R0011465

ซากวิหาร…

R0011466

R0011464

R0011462

R0011461

ได้เห็นฐานเจดีย์…

R0011459

และบ่อน้ำ…

R0011460

เจ้า Coyote บอกให้ผมรีบ ๆ หน่อย เดี๋ยวตะวันจะตกดินเสียก่อน!