ฝันค้าง

เข้านอนตอนตีสาม…เช้านี้ผมให้อาหารพี่ชายล่าไปประมาณครึ่งชั่วโมง ตื่นแล้วไม่กลับไปนอนต่อ แต่ทำงานบ้านหลายอย่างมั่วไปหมด จนประมาณ ๑๐ โมงกว่าก็มีโทรศัพท์จากท่านผู้พัน (มือ fiddle) เข้ามา เราคุยกันถึงเรื่องการเล่นดนตรีแนว bluegrass และเหตุการณ์ที่ Home of Cowboy ในคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา…

สิบโมงกว่าผมขี่รถไปซื้อข้าวขาหมูที่ร้านป้าติ๋วทางไปวัดสบตุ๋ย ก่อนกลับบ้านขี่รถเลยไปที่ร้านจิตต์อักษรซึ่งอยู่ไม่ไกลซื้อเทปผ้าสำหรับทำขอบปกหนังสือ ๒ ม้วน คือ ขนาด ๑ นิ้ว ยาว ๑๐ หลา สีเขียว ราคา ๓๐ บาท และขนาด ๑.๕ นิ้ว ๑๐ หลา สีดำ ราคา ๔๕ บาท แล้วยังซื้อดินสอสียี่ห้อ Alligator ๒๔ สี ราคากล่องละ ๑๐๕ บาท เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้นักเรียนชั้น ป.๓ อีกคนหนึ่งด้วย

ก่อนหน้านั้นผมจะให้ฮาร์โมนิก้า ๑ ตัวพร้อมกับขนมหรือของขวัญอย่างอื่น นักเรียนบางคนยังไม่ถึงวันเกิดก็มาขอของขวัญล่วงหน้า อย่างที่เห็นในภาพ นักเรียนสองคนที่มีวันเกิดต้นปีหน้าโน้นก็ยังได้รับฮาร์โมนิก้าไปเลย…

วันนี้ไม่มีฮาร์โมนิก้าเหลืออยู่ จึงต้องซื้อเครื่องเขียนให้แทน  ก่อนจ่ายตังค์ ผมเลือกซื้อหนังสืออีกเล่มนึง คือ “คนไทยต้องไม่ป่วย” เขียนโดย “หมอแดง” หนา ๑๓๒ หน้า ราคา ๑๑๕ บาท

ผมเปิดดูหนังสือแล้วรู้สึกว่าเข้าท่าดี ราคาก็ไม่แพงจนซื้อไม่ได้ คิดแล้วก็อยากทำหนังสือราคาเบา ๆ อย่างเนี้ยขายบ้าง ได้กำไรมาก็แบ่งให้คนตาบอดซะส่วนหนึ่ง ที่เหลือก็ใช้เป็นทุนเดินทางไปหาข้อมูลมาเขียนต่อ ถ้าทำได้คงมีความสุขมาก ๆ ผมจะได้กลับไปผจญภัยท่องเที่ยวอีกครั้ง และไม่ต้องหอบ accordion ออกไปรับจ้างเล่นแบบฝืด ๆ อีกต่อไป

ผมอยากไปเยี่ยมคุณอ้อที่กัลกัตตา แล้วไปขลุกอยู่ที่ร้านซ่อมเปียโนซึ่งครั้งหนึ่งผมเคยไปคุยด้วย จะได้ถ่ายภาพและเก็บข้อมูลมาเขียนเป็นหนังสือเล่มละร้อยกว่าบาทออกวางจำหน่าย  (ทำได้จริงก็ไม่รู้ว่าจะขายได้หรือเปล่าเน๊าะ?)

สู้เอจังที่สามารถเขียนหนังสือออกมาได้ตามฝันแล้วก็ไม่ได้…

ผมได้แต่คิดๆๆๆ  ได้แต่ฝันค้างอยู่นั่นแหละ…

Jazz Piano

เที่ยงคืนกว่าแล้วยังไม่เข้านอน!  ตายังสว่างอยู่ ผมนั่งพิมพ์ตำราออกมาอีกเรื่อย ๆ คืนนี้กะว่าจะให้ได้ซัก ๗ เล่ม…

วันเกิดทักษิณผ่านไปแล้ว เมื่อวานนี้ผมไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับเพื่อนเก่าคนนี้  ปีที่แล้วผมเขียนไว้นะ แต่จะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้ที่ข้อเขียนต้องถูกลบทิ้งไปเมื่อมีการจัดไฟล์ที่อยู่บน server ใหม่  ก็ดีเหมือนกันเพราะผมไม่ค่อยสงบปาก คิดอย่างไรก็เขียนอย่างนั้น  ใครที่ได้อ่านแล้วอาจคิดว่า ผมเป็นผู้ที่ไม่รู้คุณคน ตอนเป็นเด็กทักษิณดีกับผมจะตาย ทำไมผมถึงไม่เชียร์และยืนอยู่ข้างสหายเก่า! ความคิดเราต่างกันครับ และความพอเพียงของเราก็ไม่เท่ากันด้วย แต่ในส่วนของความดีที่ทักษิณมีให้ผมก็ยังคงอยู่ในใจของผมเสมอ…

ปี พ.ศ.๒๕๑๐ ขณะเรียนอยู่ปี ๑ แผนกช่างไฟฟ้า วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ กำลังเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม อยากเท่ห์ ผมหากิจกรรมที่จะสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง อย่างเช่น เล่นดนตรี เป็นช่างไฟ ควบคุมเสียง

วันอาทิตย์ที่ ๑ มกราคม…ผมบันทึกว่า..

“ตอนเช้าทำความสะอาดบ้านนอก แล้วไปขอยืม amp ที่ทักษิณ เวลาบ่ายไปติดตั้งและคุมเครื่องให้อำนวย กลำพัดเพื่อแสดงในตอนกลางคืน ที่งานฤดูหนาว….”

ตอนนั้นทักษิณพักอยู่บนชั้นสองของโรงภาพยนต์ชินทัศนีย์ ที่ผมเขียนว่า “บ้านนอก” หมายถึง “ร้านกาแฟไทยประเสริฐ” ข้างลาน ร.ส.พ. ตรงข้ามกับโรงแรมรถไฟ เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวติดถนนที่พ่อแม่เช่าเปิดร้านกาแฟ สร้างฐานะจนมีตังค์พอซื้อที่ดินและปลูกบ้านของตนเองอยู่ที่ถนนทุ่งโฮเต็ล ถึงอย่างไรครอบครัวของผมกับของทักษิณก็มีฐานะแตกต่างกัน คุณพ่อของทักษิณเป็นเศรษฐีมีชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ ทักษิณจึงมีเครื่องดนตรีหลายชิ้นเก็บไว้ในห้องนอนทั้ง ๆ ที่เล่นไม่เป็น เท่าที่จำได้ก็มี กีต้าร์ Fender พร้อมตู้แอมป์ มีเบส Hofner และแซ็กโซโฟน Selmer

ห้องนอนทักษิณขนาดใหญ่ มีเครื่องปรับอากาศ window type ติดตั้งที่หน้าต่าง และมี  heater สำหรับให้ความอุ่นในหน้าหนาว นั่นคือภาพที่ผมพอจำได้ ทักษิณเป็นคนมีน้ำใจ อนุญาตให้ผมและบรรจง (เพื่อนที่โตมาด้วยกัน)ไปซ้อมดนตรีได้ถึงในห้องนอน  เราสองคนเดินจากร้านกาแฟไทยประเสริฐไปโรงภาพยนต์ชินทัศนีย์เพื่อซ้อมดนตรี ผมเล่นกีต้าร์ ส่วนจงเล่นเบส…

วันอาทิตย์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๑๐ ทักษิณให้ผมยืมแอมป์ Fender ตัวที่มีอยู่ไปใช้ในงานฤดูหนาว เพื่อช่วยทำให้วงดนตรีพื้นเมืองของอำนวย กลำพัดมีความดังสู้กับเสียงรอบข้างได้…

อ้าว…ว่าจะพูดเรื่องแจ๊สเปียโน ทำไมไปเขียนถึงทักษิณก็ไม่รู้!

เพื่อน ๆ คงเคยเห็นคนเล่นเปียโนที่เล่นแบบธรรมดา ไม่หวือหวา ไม่พรมนิ้วไปมาเหมือนทำเสียงคลื่น แต่ค่อยๆ เปลี่ยนเปลี่ยนคอร์ด โดยการ voice ซึ่งอาศัยโน้ตเพียงไม่กี่ตัว เกิดเสียงประสานที่น่าฟัง จนสามารถเรียกได้ว่า “It’s jazzy!”  ในอดีตเราไม่มีตำรามากมายอย่างเช่นในปัจจุบัน ถ้าอยากจะเล่นให้ได้สำเนียงเช่นนั้น ก็ต้องอาศัยครูพักลักจำ หรือไม่ก็ค้นคว้าด้วยตนเอง

ทุกวันนี้ ผมยังอยากหันกลับไปศึกษาแจ๊สเปียโนอย่างจริง ๆ จัง ๆ เลยครับ ตำราที่มีอยู่นั้นมากมายจนไม่รู้จะเริ่มต้นจากเล่มไหนดี  น่าเสียดายที่ผมไม่มีเวลาพอที่จะทำตามความอยากของตนเอง  ถ้าวันหนึ่งมีซัก ๔๘ ชั่วโมงก็คงจะดี!

คืนนี้ผมพิมพ์ตำราออกมาได้ ๗ เล่มตามที่ได้ตั้งใจไว้….

อยากเล่นเปียโนแนวแจ๊ส เพื่อน ๆ จะต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นแบบพลิกตัวทันที ทิ้งรูปแบบที่เคยเล่นและชื่นชอบไปให้หมด ไม่ว่าจะเป็นการไล่นิ้วแบบหนูหรือแมวไล่กันบนคีย์บอร์ด การกระจายคอร์ดแบบ pop และ classic  เคลื่อนไหวให้น้อย แต่สง่าและอลังการด้วยคู่ระยะในรูปแบบของ chromatic progression แล้วจะได้ชื่อว่าเป็นนักเล่นเปียโนแจ๊สที่แท้จริง…

วันนี้อยากให้ลองฝึกเล่น Yesterday ในแนวแจ๊สดูบ้าง แล้วจะต้องร้องว่า “แซบอีหลีเด้อ” โน้ตเพลง Yesterday อยู่ในหน้า ๒๖-๒๗ ของหนังสือ The Beatles for jazz piano ซึ่งเพื่อนๆ สามารถคลิกดาวน์โหลดได้ ที่นี่

ขอให้มีความสุขในการเล่นเปียโนแจ๊สนะครับ