มองดูตัวเอง

ผมเคยเข้าอบรมเกี่ยวกับเรื่องการทำธุรกิจ จำได้ว่าวิทยากรให้เขียนค่าใช้จ่ายของตัวเองเพื่อจะดูว่าอย่างน้อยวันๆ นึงเราจะต้องหาเงินให้ได้เท่าไหร่ วันนี้เป็นอะไรไม่รู้ ผมอยากจะหันมามองดูตัวเองสักหน่อย

เดือนนี้ผมต้องจ่ายค่าไฟฟ้า ๑,๑๘๓.๔๐ บาท ค่าโทรศัพท์มือถือ  ๑๒๕.๕๗ บาท ค่าโทรศัพท์บ้าน ๒๑๔ บาท ค่า HiNet  ๘๐๓.๐๔ บาท ค่าน้ำ ๑๒๐ บาท รวมแล้วเป็นเงิน  ๒,๔๔๖.๐๓ บาท มันเป็นเงินที่ต้องจ่ายออกไป โดยไม่มีข้อยกเว้นว่าผมจะหาเงินได้วันละเท่าไรหรือหาไม่ได้เลยก็ตาม

ทีนี้ก็ลองคิดดูว่าผมมีรายได้เท่าไรต่อเดือน คิดง่ายๆ ผมมีนักเรียนไวโอลิน ๑ คน เปียโน ๒ คน ทำให้ผมมีรายได้จากการสอน ๓ พันบาทต่อเดือน แค่นั้นเอง  อ่อ…ยังมีค่าน้ำมันรถจักรยานยนต์อีก ๓ วันร้อยที่ผมต้องจ่าย  คิดเป็นเดือนก็ประมาณเดือนละพันบาท นั่นหมายความว่ารายจ่ายของผมเกินกว่ารายรับไปแล้ว…

I cannot make my ends meet!

แต่่แปลกจัง เมื่อนักเรียนบอกเลิกเรียน ผมกลับดีใจ ดีใจที่จะได้หยุดสอน…

ผมเริ่มรู้ว่าตัวเองเป็นครูที่ดีไม่ได้อย่างแน่นอน ควรจะเลิกได้แล้ว  ผมอยากจะเป็นแค่เพียงชายแก่ผู้ปราศจากยศและตำแหน่ง อาศัยอยู่กับกองสัมภารกเก่าๆ และความทรงจำในอดีตไปจนกว่าจะปิดฉากชีิวิตของตนเองไปในที่สุด…

เมื่อตอนที่ไปทำบัตรประชาชนครั้งล่าสุด (คงไม่ต้องทำอีกแล้วเพราะเค้าบอกว่าอายุ ๖๐ ไปแล้วสามารถถือบัตรใบเดิมไปได้จนตาย) เจ้าหน้าที่ถามว่า “ลุง อาชีพอะไร?”  ผมตอบว่า “ไม่มี”  ก็คงเป็นเช่นนั้นจริงๆ  อีกสองเดือน…หน้าที่การสอนแทนพี่ชายก็จะสิ้นสุด พร้อมๆ กับงานสอนเครื่องสาย และนักเรียนที่เหลืออยู่ก็คงเลิกไป

มันน่าสงสัยว่า…แล้วผมจะมีความสุขกับชีวิตที่มีรายได้ไม่พอที่จะนำไปซื้อหาสิ่งของที่อยากได้หรือนี่???

วันอังคารที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ น้องโอปอ นักเรียนชั้น ป.๒ เขียนใน ส.ค.ส. ว่า “ขอให้ครูน้ำชามีสุขภาพดีและออกกำลังกายเยอะๆ และขอให้ครูน้ำชามีความสุขเยอะๆ นะคะ”

ไม่ต้องมีความสุขเยอะๆ หรอกครับ ขอแค่ไม่ทุกข์ก็พอแล้ว ผมคิดว่าถ้าเราพอใจเสียอย่าง ความทุกข์คงไม่บังเกิด หรือถ้าจะเกิดก็คงไม่มากนัก ในขณะเดียวกันความสุขก็อาจหาได้จากงานอดิเรกซึ่งผมยังคงพอทำได้ เช่น การทำเว็บ ทำงานไม้ หรือเล่นดนตรีให้ตัวเอง

วันนี้ ผมมีโอกาสได้คุยกับนักเรียนคนหนึ่ง ได้ทราบว่านักเรียนมีไวโอลินใช้สองคัน คันหนึ่งราคา ๕๕,๐๐๐ บาท มันทำให้ผมอดคิดถึงนักเรียนที่โรงเรียนเพ็ญจิตตพงษ์ไม่ได้ เพราะที่นั่นมีหลายคนบอกกับผมว่าอยากเรียนไวโอลิน ผมก็ได้แต่นิ่งอึ้ง เพราะรู้ว่านักเรียนไม่มีเครื่อง…

อืมม์….น่าคิดนะว่าถ้าเงินห้าหมื่นกว่าถูกนำไปซื้อไวโอลินราคาถูกให้นักเรียน มันจะได้ถึง ๓๐ คัน!!!

ในฝันผมอยากมีเงินซื้อไวโอลินแจกนักเรียน แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ แค่เพียงฮาร์โมนิก้า ๕ ตัวที่ซื้อจากร้านครูหน่อย ผมก็แจกไปหมดแล้ว และไม่มีปัญญาจะซื้อเพิ่มอีก จากนี้ไปก็คงไม่มีอะไรไปให้เด็กๆ ได้อีก!!

หันมองดูตัวเองแล้ว ผมชักเริ่มรู้สึกล้าเหมือนกันครับ….