เที่ยงกว่า ๆ วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๙…. ผมหอบจักรยานพับลงจากขบวนรถไฟสายพิษณุโลก-กรุงเทพ แล้วนำไปตั้งไว้ที่หน้าป้ายสถานี
ถ่ายรูปไว้ ๑ บานก่อนที่จะกางออกโดยใช้เวลาประมาณครึ่งนาที ชายคนหนึ่งเข้าใจว่าคงจะสังเกตเห็นตั้งแต่ผมเอาจักรยานลงจากชั้นวางสัมภาระ ลงจากรถไฟแล้ววิ่งข้ามรางตรงมาหา ถามว่าจักรยานพับราคาเท่าไหร่ ซื้อจากไหน? ผมบอกว่าเป็นรถจากจีน สั่งซื้อทางเน็ตในราคา ๙ พันกว่าบาท เค้าขอทราบชื่อเว็บ ผมบอกให้จำยี่ห้อจักรยานไว้แล้วเข้าไปค้นหาในเน็ตก็เจอ แล้วถ่ายภาพเจ้า Banian ในสภาพที่พร้อมออกลุยไว้อีก ๑ บาน…
ได้เวลาออกเที่ยวแล้วครับ มีเวลา ๔ ชั่วโมงให้ปั่นชมเมืองแบบชิว ๆ ก่อนอื่นต้องดูแผนที่ซะหน่อย…
เห็นแผนที่แล้วเกิดความคิดว่าการมาลงสถานีรถไฟอยุธยาพร้อมจักรยานพับเพื่อปั่นเที่ยวเมืองเก่าครั้งนี้คงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะมีสถานที่น่าสนใจเกินกว่าจะเที่ยวได้ครบภายใน ๔-๕ ชั่วโมง ถ้าจะให้ดีแล้วควรวางแผนพักอยู่ซัก ๑ คืนด้วยซ้ำ
วิกิพีเดียกล่าวว่า…
สถานีรถไฟอยุธยาเป็นสถานีรถไฟประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตัวอาคารเดิมสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นอาคารไม้ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ จึงเปลี่ยนเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังจากเปลี่ยนชื่อจาก “สถานีกรุงเก่า” เป็น “สถานีอยุธยา” ตามพระบรมราชวินิจฉัยในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ สถานีรถไฟอยุธยาตั้งอยู่นอกเกาะเมืองฝั่งตะวันออก ริมแม่น้ำป่าสัก เป็นสถานีระดับที่ ๑ ขบวนรถไฟทุกขบวนจะจอดรับส่งที่สถานีนี้
ออกจากสถานีรถไฟอยุธยา ไม่มีแผนที่หรือจีพีเอส… ผมแค่ปั่นไปตามเส้นทางเบื้องหน้า ที่ไหนน่าสนใจก็หยุดถ่ายภาพเก็บไว้
อาศัยดูป้ายเป็นหลัก…
แสงแดดยามบ่ายวันนี้ไม่ร้อนจัด…
ปั่นขึ้นสะพานได้สบาย ๆ เหงื่อไม่ตก…
ไม่ช้าไม่นานก็ถึงวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม…
โห! เจดีย์เก่าตั้งตระหง่านอยู่กลางสี่แยก เป็นวงเวียนที่สวยที่สุดในสายตาของผม…
มาค้นคว้าทีหลังทราบว่าเจดีย์นี้มีชื่อว่า “เจดีย์วัดสามปลื้ม” หรือ “เจดีย์นักเลง”
วัดสามปลื้มไม่มีแล้ว เหลือแต่องค์พระเจดีย์ที่เป็นนักเลงยืนขวางอยู่กลางถนน จัดได้ว่าเป็นแลนด์มาร์คของอยุธยาเมืองเก่าก็ว่าได้ ผมหยุดรถชื่นชมกับภาพเจดีย์นักเลงแล้วเลี้ยวซ้ายออกไปทางตลาดน้ำอโยธยา…
ผมเหยียบเท้าหนักขึ้น…เจ้า Banian พุ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับอาชาหนุ่ม!